สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี 

สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี

ขอขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกข้อความที่ให้ข้อเสนอแนะ มีทั้งคำติและคำชม ซึ่งเป็นเสียงสะท้อน ที่ทำให้เราต้องนำไปวิเคราะห์ หาทางแก้ไขต่อไป สำหรับการลงข้อมูลข่าวสารการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในเพจของสมาคมฯที่ผ่านมา แต่ทางเราคิดว่าบางท่านอาจเพิ่งติดตามข่าวสารที่ทางสมาคมฯแจ้ง โดยไม่ได้มีการติดตามมาตั้งแต่ต้น จึงเกรงว่าจะเข้าใจผิดอาจจะเกิดความเสียหายแก่สมาคมฯและหน่วยงานที่เกี่ยว จึงขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงสร้างความเข้าใจ ต่อประเด็นต่างๆ เช่น แก้ปัญหาช้าไปหรือป่าว ปัญหาแรงงานเกิดจากค่าใช้จ่าย การนำเข้ายุ่งยากเอกสารเยอะ อยากกลับไปใช้บัตรอาทิตย์เหมือนเดิม

1.เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ณ.สหกรณ์ชาวสวนอำเภอโป่งน้ำร้อน สมาคมชาวสวนลำไยจังหวัดจันทบุรี และสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี ได้มีการเชิญประชุมเกษตรกรชาวสวน โรงคัดบรรจุ(ล้ง) ประเด็นสำคัญคือเราต้องการรวมใจกันเป็นหนึ่งเพื่อระดมความคิดในการสะท้อนปัญหา และหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน มีการให้ความรู้เรื่องกฏหมายต่างๆจาก หัวหน้าศาลจังหวัดจันทบุรี โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้ความสำคัญเรื่องนี้มากจึงมาเป็นประธานในการประชุมด้วยตัวเอง มีการโฆษณาทุกช่องทาง รถขยายเสียงวิ่งประชาสัมพันธ์ 7 วันเต็ม โดยทางทีมงานเตรียมเก้าอี้เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมประชุมไว้ 1,200 ตัว แต่ถึงเวลาประชุมจริงมีคนเข้าร่วมแค่ 300 คน แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาในครั้งนี้เลย

 

2.ประเด็นต่อมาสืบเนื่องจากการประชุมตามข้อ1 มีมติให้จังหวัดประกาศขึ้นทะเบียนสายเก็บ(เหมือนปีที่ผ่านมา) เพื่อเป็นการควบคุมระบบไม่ให้มีการลักพาตัวแรงงาน การทิ้งสวนแล้วหาคนรับผิดชอบไม่ได้ หรือมีเหตุฟ้องร้อง จะได้มีมาตรการในการติดตามตัวหัวหน้าสายเก็บหรือเจ้าของล้งได้ โดยให้สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี เป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดเจ้าหน้าที่รับขึ้นทะเบียนและออกบัตรสายเก็บโดยด่วน ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ถึง วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือดีมากมีสายเก็บมาขึ้นทะเบียน 300 ราย พอมีมาตรการตั้งด่านตรวจเข้ม ก็อ้างว่าให้เวลาน้อยมายื่นเอกสารไม่ทัน ไม่เป็นไรทางเลขาธิการสมาคมฯได้เสนอขอขยายเวลาต่อคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลผลิตฯในการขึ้นทะเบียนสายเก็บลำไยไปจนถึง 31 ตุลาคม 2567 เพื่อช่วยเหลือคนที่ยังขึ้นทะเบียนไม่ทัน ผลสุดท้ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สรุปข้อมูลการขึ้นทะเบียนสายเก็บลำไยจังหวัดจันทบุรีมีจำนวนทั้งสิ้น 402 สาย *****ฝากท่านที่คอมเมนต์ช่วยเสนอวิธีแก้หน่อยว่าเราควรทำอย่างไรดีกับการให้ความร่วมมือในครั้งนี้*****

 

3.ประเด็นเรื่องการใช้แรงงานตามมาตรา 64 นั้นเป็นไปตามกฎหมายที่เราต้องปฏิบัติตาม เราไม่สามารถกลับไปใช้ บัตรอาทิตย์(โป่งน้ำร้อนโมเดล)เหมือนเดิมได้ เพราะในอดีตยังไม่มีกฎหมายตัวนี้มาบังใช้เราจึงขอผ่อนผันและใช้เฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเรา ประเด็นสำคัญคือเป็นแนวทางที่จังหวัดจันทบุรีเราเป็นต้นแบบในการนำเสนอปัญหาจนรัฐบาลนำไปเป็นแนวทางการใช้แรงงานตามฤดูกาลในจังหวัดติดชายแดนทั่วประเทศ และประเด็นสำคัญยิ่งถ้าหากเรายังฝ่าฝืนหรือยืนยันการใช้บัตรอาทิตย์หมือนเดิมจะสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายกระบวนการค้ามนุษย์

ประเด็นเรื่อง ขั้นตอนยุ่งยาก เอกสารซับซ้อนเป็นมาตรการการตรวจสอบและเก็บข้อมูลตามหลักสากลเพราะเป็นเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายแพง นั้นเป็นสิทธิ์โดยสมัครใจของทุกท่านที่สามารถเลือกการใช้บริการผ่านสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี หรือนายหน้า(โบรกเกอร์) หรือดำเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันออกไป ไม่มีใครบังคับท่านได้เลย ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาคมฯได้นำเสนอข้อเรียกร้องไปแล้วให้มีการลดค่าใช้จ่ายลงมา และขอให้มีการรายงานตัวครั้งเดียวทุก 3 เดือน ตอนต่อใบอนุญาตเลย เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆลงมา แต่ ณ.ตอนนี้มีฝ่ายการเมืองบางพรรคพยายามจะผลักดันให้แรงงาน ม.64 สามารถข้ามจังหวัดได้ซึ่งถ้าหากเป็นจริง ลองคิดดูว่าเราจะต้องเจอปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างไม่จบสิ้น(ขนาดใช้ได้เฉพาะจันทบุรีเรายังไม่พอใช้เลย)

 

4.ประเด็นสำคัญเมื่อมีปัญหาวิกฤติเกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์นี้ ทางสมาคมฯไม่นิ่งนอนใจรีบนำเรียนท่านผู้ว่าฯทราบถึงสถานการณ์ และรีบจัดประชุมด่วนเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาโดยท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธาน และมีหัวหน้าร่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานเข้าประชุม ร่วมกับตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนล้ง จำนวน 100 คน โดยได้ข้อสรุปตามประเด็นที่สมาคมฯแจ้งให้ทราบทั่วกันในเพจสมาคมฯแล้วนั้น

สิ่งที่ทางสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี ได้ชี้แจงทุกประเด็นนี้ เป็นเพียงข้อเท็จจริง โดยไม่ได้มีการแก้ตัวหรือร้อนตัวแต่อย่างใด อยากให้ทุกท่านเปิดใจและคิดทบทวนว่าจริงตามที่สมาคมฯชี้แจงมั้ย อย่าให้ข้อท้วงติง สิ่งที่คอมเมนต์ เกิดจากอคติ หรือ รับข้อมูลมาบางส่วนโดยไม่ครบถ้วน แล้วเกิดความสนุกมือเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เกิดความเสียหายต่อวงการลำไยของจังหวัดจันทบุรี อย่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองของบุคคลหรือกลุ่มบุคลใด สิ่งที่ทางสมาคมฯดำเนินการขอยืนยันอีกครั้งว่าเป็นไปตามแนวทางทั้งทางรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ให้ผสมกลมกลืนไปด้วยกันได้ โดยไม่มี

ผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

สุดท้ายขอความร่วมมือทุกท่านที่เกี่ยวข้องถ้าหากมีการเชิญประชุมเพื่อระดมความคิดหาแนวทางร่วมกัน กรุณาเสียสละเวลาเพียงน้อยนิดเข้าร่วมเพื่อช่วยกันเสนอข้อคิดเห็น ดีกว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วมากระหน่ำซ้ำเติมคนที่เค้าตั้งใจทำงาน

 

ดร.โนชญ์ ชาญด้วยกิจ/รายงาน